report
20 เมืองเล็ก ๆ ที่กำลังจะเป็นดาวเด่นในทศวรรษใหม่นี้
รวมเมืองเล็กที่ดีที่สุดในโลกจาก Monocle
เริ่มต้นทศวรรษใหม่กับเมืองใหม่ เพื่อหนีความวุ่นวายจากมหานครขนาดใหญ่แสนวุ่นวาย นิตยสาร Monocle ได้ปล่อยลิสต์ 20 เมืองทั่วโลก ที่เหมาะสำหรับไปท่องเที่ยวและการอยู่อาศัย ด้วยปัจจัยหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม วัฒนธรรมท้องถิ่น ครอบครัว ไปจนถึงสนามบินที่เชื่อมต่อกับเมืองหลวง การใช้ชีวิตในเมืองเล็ก ๆ มักจะแวดล้อมด้วยผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายและมีความสุข ขณะเดียวกันก็สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต อีกทั้งยังไม่ต้องประสบปัญหาการจราจร และนี่คือ 20 เมืองน่าหลงใหลของ Monocle1.Lausanne, Switzerland เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของสวิตเซอร์แลนด์ เต็มไปด้วยความสง่างามตามแบบฉบับเมืองยุโรปและมีกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียนผสมผสานอยู่ด้วย และมีความเป็นสากลอยู่มาก เพราะประชากรมากกว่า 40% เป็นชาวต่างชาติ ที่สำคัญกว่านั้น โลซานน์เป็นที่ตั้งของ The École Polytechnique Fédérale สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ รวมถึง École Hôtelière ซึ่งเป็นโรงเรียนการจัดการโรงแรมระดับโลก นอกจากนั้น โลซานน์ยังมีทั้งทะเลสาบและภูเขาให้เที่ยว อย่าลืมแวะไปลิ้มลองไวน์ท้องถิ่นสักแก้วพร้อมชมวิวทะเลสาบ หรือถ้าอยากเดินทางไปประเทศใกล้เคียง ก็มีเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อไปยังมิลานและปารีส ส่วนสนามบินเจนีวา ซึ่งเป็นสนามบินที่ที่ใกล้ที่สุดนั้นอยู่ห่างออกไปเพียง 45 นาที
2. Boulder, USA เมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ เป็นเมืองที่มีแสงแดดเฉลี่ย 300 วันต่อปี โบลเดอร์เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมในหมู่ Beat generation ในเมืองจึงเต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านหนังสือ รวมไปถึงพื้นที่สวนสาธารณะกว่า 18,000 เฮกตาร์ และเป็นที่ตั้งของวิทยาเขตหลักแห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโด นอกจากนั้น โบลเดอร์ยังเปรียบเสมือนสวรรค์ของบริษัทสตาร์ทอัพเกี่ยวกับการเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ ที่เที่ยวใกล้ ๆ เมืองนั้นคือ Chautauqua trail ที่เป็นสุดยอดจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและชมทิวทัศน์ของเมืองอันน่าทึ่ง
3. Bergen, Norway เมืองนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขา และเป็นประตูไปสู่ชายฝั่งตะวันตกของนอร์เวย์ จึงมีทางเลือกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักกิจกรรมกลางแจ้ง ตั้งแต่การเดินป่า ดำน้ำ ในฤดูร้อน ไปจนถึงสกีรีสอร์ตช่วงฤดูหนาว ที่สำคัญยังมี Bargenfest เทศกาลดนตรีฤดูร้อนชั้นนำระดับโลก
4. โฮบาร์ต, ออสเตรเลีย เมืองเล็ก ๆ บนเกาะแทสมาเนียแห่งนี้ถูกอาบด้วยแสงแดดอันอบอุ่น และได้ชื่อว่าเป็นพื้นเศรษฐกิจของรัฐที่มีประสิทธิภาพเป็นอันดับสองในออสเตรเลีย แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในที่มีราคาไม่แพง สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือเมืองนี้ยังต้องการคนเพิ่มอีกถึง 20,000 คน เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจ แถมมหาวิทยาลัยแทสเมเนียเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและแอนตาร์กติกอีกด้วย
5. Chigasaki, Japan เมืองในชนบทล้อมรอบด้วยภูเขาและมหาสมุทร และสามารถนั่งรถไฟไปทางใต้ของโตเกียวได้ในหนึ่งชั่วโมง การเดินทางท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเมืองนี้คือ จักรยาน เพราะมีโครงสร้างเส้นทางปั่นอยู่ทั่วทั้งเมืองไปจนถึงชายหาดใกล้เคียง ที่เหมาะกับการโต้คลื่น ส่วนในตัวเมืองก็อัดแน่นด้วยร้านอาหารชั้นดีมากมายทั้งอาหารญี่ปุ่นและนานาชาติ และด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นและถนนที่ปลอดภัยจึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบมาก แถมยังอยู่ใกล้กับเมืองหลวงอีกด้วย
6. Bolzano, Italy หนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดของอิตาลีสำหรับผู้รักธรรมชาติและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เพราะว่ามีทั้งรีสอร์ตระดับชั้นนำที่มีลานสกีทอดยาวหลายไมล์ นอกจากนี้โบลซาโนยังมีเครือข่ายเส้นทางจักรยานที่กว้างขวาง และยังถือเป็นสวรรค์สำหรับผู้รักการดื่มไวน์ เพราะไวน์ขาวของ Alto Adige เป็นหนึ่งในไวน์ที่ดีที่สุดในอิตาลี
7. Bordeaux, France บอร์โดซ์เป็นเมืองที่กำลังดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่กำลังหลีกหนีความวุ่นวายและค่าครองชีพแสนแพงของปารีส ที่นี่เลยกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางวัฒนธรรม งานศิลปะ และเทคโนโลยี การริเริ่มโครงการฟื้นฟูแม่น้ำ Garonne กำลังทำให้เมืองนี้มีพื้นที่ผ่อนคลายมากขึ้น และที่สำคัญยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับคนปั่นจักรยานมากที่สุดในโลก หนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ เส้นทางปั่นจักรยานที่ให้เหล่านักปั่นได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของไร่องุ่นชื่อดังของเมือง
8. Innsbruck, Austria เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์ นอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะสำหรับการเล่นสกีและเดินป่าแล้วในเมืองเก่ายังมีตรอกซอกซอยพร้อมโรงละคร Tyrolean State ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ค่ำคืนสุดสัปดาห์ในฤดูร้อนจะครึกครื้นไปด้วยผู้คนตามบาร์และร้านอาหาร
9. Porto, Portugal ปอร์โตที่เคยเงียบสงบกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเปิดการลงทุนจากต่างประเทศทำให้ปอร์โตเจริญเติบโตขึ้นเรื่อง ๆ และยังดึงดูดนักออกแบบและผู้ผลิตแฟชั่นให้เข้ามาตั้งรกรากที่นี่ สำหรับคนที่รักชายหาดและแสงแดด ปอร์โตคือเมืองที่คุณตามหา
10. Aachen, Germany เมืองสปาของเยอรมันอยู่ติดกับพรมแดนของเนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยม ที่นี่จึงกลายเป็นจุดหลอมรวมทางวัฒนธรรม และทุกอย่างก็เชื่อมต่อกันอย่างดีผ่านทางถนน รถไฟ และทางอากาศ เพราะเพิ่งมีการปรับปรุงสนามบิน Maastricht Aachen ไปเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาว่างในป่าใกล้เคียงและน้ำพุร้อน และแน่นอนว่าต้องลองดื่มเบียร์ที่ดีที่สุดในภูมิภาคที่ผับสักแห่งของเมือง
11. Reykjavik, Iceland เรคยาวิก เป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ แต่เมื่อเทียบกับเมืองหลวงอื่น ก็พอจะนับเป็นเมืองเล็กได้ ที่นี่มีคนอาศัยอยู่ที่นี่เพียงแสนคน ปัญหาเรื่องการจราจรจึงกลายเป็นของหายากในเมืองนี้ อากาศก็บริสุทธิ์มาก แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือสระร้อนจากใต้พิภพที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากน้ำพุร้อนและน้ำตก ถ้ามาเยือน Reykjavik ในเดือนพฤศจิกายน ต้องไม่พลาดเทศกาลดนดตรีเหนือสุดของโลกอย่าง Iceland Airwaves ที่คุณจะได้พบกับเพื่อนชาวต่างชาตินับพันคนในงานนี้
12. Savannah, USA ด้วยถนนที่มีต้นไม้เรียงรายและมรดกทางสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย สะวันนาเลยให้ความรู้สึกแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ลองเดินเล่นไปรอบ ๆ ย่านประวัติศาสตร์และคุณจะได้พบกับศิลปะหลากหลายรูปแบบทั้งสไตล์อิตาเลียนและกอทิก เหตุผลที่ศิลปะเฟื่องฟูอย่างมากในเมืองนี้ก็เพราะเป็นที่ตั้งของ Savannah School of Arts and Design ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันศิลปะที่ดีที่สุดของประเทศ
13. Potsdam, Germany เมืองที่เงียบสงบประดับประดาไปด้วยพระราชวังสมัยศตวรรษที่ 18 และสวนสาธารณะอันเขียวชอุ่ม ทะเลสาบของเมืองเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ชาวเบอร์ลิน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ล่าสุดเพิ่งมีการปรับปรุงวังของเมืองที่ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Museum Barberini ที่มีชื่อเสียง
14. Basel, Switzerland บาเซิลเป็นที่รู้จักในโลกทางวัฒนธรรมและความหรูหราด้านศิลปะ และด้วยมีพรมแดนติดกับเยอรมนีและฝรั่งเศสจึงมีการผสมผสานวัฒนธรรมจากประเทศเหล่านี้ สิ่งที่สะท้อนอิทธิพลดังกล่าวได้ดีที่สุดคือ การขี่จักรยานรอบ ๆ ศูนย์กลางของเมืองเพื่อพิพิธภัณฑ์และสถาปัตยกรรมของเมือง ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาด้านเภสัชกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ที่โดดเด่น จนกลายเมืองเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต
15. Chiang Mai, Thailand หนึ่งเดียวของประเทศไทยที่ติดอันดับขวัญใจชาว Monocle เชียงใหม่ตั้งอยู่ท่ามกลางฉากหลังที่เป็นภูเขาในภาคเหนือของประเทศไทย บรรยากาศของเมืองที่ล้อมรอบด้วยคูน้ำและประดับประดาไปด้วยเจดีย์และวัดเก่าแก่อายุนับร้อยปี แต่ก็สอดแทรกไปด้วยพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์และศิลปะจากคนหนุ่มสาว เชียงใหม่จึงเป็นเมืองที่รักษาสมดุลระหว่างความเก่ากับความใหม่ไว้ได้เป็นอย่างดี
16. Victoria, Canada เมืองหลวงของบริติชโคลัมเบียซึ่งตั้งอยู่บนเกาะแวนคูเวอร์นั้นถูกมองว่าเป็นเมืองที่หลับใหลมานานแล้ว แต่ความเชื่อดังกล่าวนี้กำลังจะเปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังเติบโต และคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่กำลังหนีแวนคูเวอร์มายังพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งค่าครองชีพถูกกว่า สภาพอากาศที่อบอุ่นของเมืองอยู่ใกล้กับมหาสมุทรแปซิฟิก เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและพายเรือคายัค มีเส้นทางเดินป่ามากมาย และทางเหนือของเมืองที่ Mount Washington ก็เป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นสกี
17. San Sebastián, Spain เมืองริมทะเลอาจมีค่าใช้จ่ายที่อยู่อาศัยสูงที่สุดของสเปน แต่ชายหาดอันน่าทึ่งและอาหารท้องถิ่นรสเลิศก็เป็นสิ่งดึงดูดใจให้ผู้คนเดินทางมาเยือนสถานที่แห่งนี้ ว่ากันว่ามีร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินสตาร์มากที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีการจัดเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกเป็นประจำทุกปีอีกด้วย
18. Eindhoven, Netherland ชาวไอนด์โฮเฟ่น ยอมรับได้ว่าเมืองของพวกเขาไม่ใช่สถานที่ที่สวยที่สุดในโลกแต่สิ่งที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีคือ ความภาคภูมิใจในระบบเศรษฐกิจที่มีพื้นฐานมาจากนวัตกรรม มีความพยายามร่วมกันในการสนับสนุนการเริ่มธุรกิจใหม่ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เมืองนี้ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงสถาปัตยกรรมโดย Winy Maas ของ MVRDV จัดทำแผนแม่บทและการก่อสร้างตึกระฟ้าที่ออกแบบโดย Stefano Boeri ของอิตาลี
19. Bath, UK เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ และอยู่ไม่ไกลจากลอนดอนเท่าไร เสน่ห์ของเมืองคือความงามแบบอังกฤษที่แปลกตา บรรยากาศของเมืองจะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับอาคารสมัยศตวรรษที่ 18 ที่มีเสน่ห์ โรงละคร พิพิธภัณฑ์ และสปาน้ำร้อน มาพร้อมเส้นทางปั่นจักรยาน เมืองนี้มีโรงเรียนเอกชนห้าแห่งซึ่งเป็นโรงเรียนของรัฐที่ “ดีเยี่ยม” และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงสองแห่ง
20. Aalborg, Denmark ด้านหน้าท่าเรือที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ มีเส้นทางปั่นจักรยานยาวหลายกิโลเมตร สถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักของเมืองก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึง The Utzon Centre และ Alvar Aalto-designed museum ทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้น
Tags: